หนังสือคู่มือในการช่วยเหลือตนเองสำหรับผู้สูงอายุ

by review4u
การช่วยเหลือตนเอง

หนังสือคู่มือในการช่วยเหลือตนเองสำหรับผู้สูงอายุ

ในโลกปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากกำลังสูงวัย ซึ่งอาจสร้างความกังวลได้หากคุณภาพชีวิตไม่เอื้ออำนวย ด้วยเหตุนี้หนังสือคู่มือในการช่วยเหลือตนเองสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยความต้องการของสังคมที่เพิ่มขึ้นสำหรับเนื้อหาของผู้สูงอายุ จึงมีความต้องการหนังสือสำหรับผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องเช่นกัน 

ตัวอย่างเช่น แม้ว่าหลายคนอยากจะมีหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในช่วงวัยทอง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย ๆ หากขาดเพราะมัวแต่ยุ่งกับกิจกรรมอื่น ๆ หนังสือเล่มนี้จะกลายเป็นภาระสำหรับพวกเขาเช่นกัน และพวกเขาจะไม่พิจารณาอ่านมันเป็นทางออก แต่แทนที่จะเลือกใช้เวลากับการทำสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุขจริง ๆ ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าเนื้อหาประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน และหนังสือดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดปัจจุบันด้วยเหตุนี้ หนังสือช่วยเหลือตนเองเป็นที่นิยมอย่างมาก พวกเขาเสนอวิธีแก้ปัญหาทั่วไปที่คนรุ่นก่อนต้องเผชิญ เช่น ปัญหาการเงิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาความสัมพันธ์ ฯลฯ เนื่องจากรุ่นพี่เป็นงานที่ท้าทายและท้าทายสำหรับเราในทุกวันนี้ เราจึงสามารถใช้หนังสือเหล่านี้ได้ คำแนะนำแก่พวกเขา นอกจากนี้ คนรุ่นเรายังช่วยให้เรารับข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือช่วยเหลือตนเองได้ง่ายอีกด้วย วันนี้ review4u จะพามาดู

https://www.thaihealth.or.th/data/content/2017/05/36500/cms/newscms_thaihealth_c_abhiknuwxz58.jpg

บทบาทของผู้สูงอายุในสังคมเพิ่มมากขึ้นเห็นได้จากความจริงที่ว่ากลุ่มนี้ได้กลายเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประชากรสูงอายุยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมีโอกาสมากมายสำหรับพวกเขาในการสร้างรายได้  พวกเราจึงขอแนะนำให้ผู้สูงอายุทุกท่านรู้จักกับหนังสือดี ๆ สักเล่มอย่าง “พรุ่งนี้ก็ 60 แล้ว” ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสือคู่มือช่วยเหลือตนเองสำหรับผู้สูงอายุที่อ่านแล้วจะทำให้คุณรู้สึกอยากจะรักตัวเองให้ถูกวิธีขึ้นมาเลยทีเดียว โดยในหนังสือมีสาระสำคัญ ๆ ที่เราอยากนำมาเล่าให้ท่านฟังดังนี้ 

เตรียมพร้อมง่าย ๆ ตามรอยหนังสือคู่มือในการช่วยเหลือตนเองสำหรับผู้สูงอายุ

1. อายุมากขึ้นจะเป็นอย่างไร? ทุกคนคงบอกว่ามันง่ายมากที่จะตั้งหัวข้อแบบนี้เพราะมีคนไม่รู้อายุ แต่คำถามต่อไปคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณเมื่ออายุมากขึ้น? หลังจากอายุของผู้แต่งหนังสือกล่าวไปแล้ว คนแรกยากกว่าการหาน้ำหนักที่เหมาะสมกว่าผู้ใหญ่ หากคุณเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี คุณยังคงสามารถรักษาน้ำหนักให้อยู่ในช่วง BMI ที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม คนสูงอายุและน้ำหนักเกินอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ในการลดน้ำหนักคุณต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากลดแบบผิดวิธีอาจทำให้ขาดสารอาหารได้

ขั้นตอนต่อไปคือร่างกาย ยิ่งอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและกระดูกก็จะน้อยลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก “กล้ามเนื้อลีบ” ทำให้ผู้สูงอายุอ่อนแอ มวลไขมันจึงเพิ่มขึ้น เคลื่อนไหวไม่สะดวก เสี่ยงต่อการหกล้มถึงแก่ชีวิต อีกปัญหาหนึ่งคือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง สร้างโอกาสเจ็บป่วย

เจ้าของระบบย่อยอาหารระบุว่า การทำงานของระบบทางเดินอาหารในผู้สูงอายุบกพร่อง การย่อยอาหารช้า มีแนวโน้มที่จะท้องผูก ทำให้เบื่ออาหาร และขาดสารอาหาร

ฟันมีแนวโน้มที่จะผิดปกติในช่องปาก หากคุณสูญเสียฟันและเป็นโรคปริทันต์ ปัญหาการกินอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณได้หลายวิธี

การทำงานของประสาทสัมผัสช้าลง กินเฉพาะอาหารที่ซื้อง่ายและปรุงง่ายที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณ เช่น ตาพร่ามัว และคุณไม่อยากออกไปไหน สุดท้ายจิตใจและสังคม หลายคนมีอาการซึมเศร้าเนื่องจากปัญหาสังคม ส่งผลถึงสุขภาพโดยรวมของครอบครัวโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังมีการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับสารอาหารในผู้สูงอายุ 1. กลุ่มอาการเมตาบอลิซึม (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง) 2. ความผิดปกติของกระดูกและข้อ (โรคเกาต์ โรคไขข้อ ปวดเข่า-หลัง-คอเรื้อรัง) 3. โรคหัวใจและหลอดเลือด. 4. โรคไตเรื้อรัง 5. โรคอัลไซเมอร์ 6. มะเร็ง เป็นต้น

2. คุณกินอะไรเมื่ออายุมากขึ้น? เมื่อความชราของร่างกายเปลี่ยนไป อาหารยังเปลี่ยน แบ่งตามสารอาหารที่สำคัญ จำแนกได้ดังนี้

2.1) ไม่ใช่สารอาหารแต่น้ำจำเป็นมาก ผู้สูงอายุมักดื่มน้ำไม่เพียงพอ เพราะความกระหายของฉันลดลง เคลื่อนไหวไม่สะดวก เข้าห้องน้ำลำบากจึงพยายามดื่มน้ำให้น้อยลง หรือผู้ที่สูญเสียความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายปัสสาวะ ดื่มน้ำปริมาณเล็กน้อยเพราะกลัวการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงอายุขาดน้ำ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในคนป่วย ปอดบวม เวียนศีรษะ แผลกดทับ เป็นต้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน

2.2) พลังงาน ความต้องการพลังงานค่อยๆ ลดลงตามอายุ มวลกล้ามเนื้อน้อยลงเนื่องจากการออกกำลังกายที่ลดลง ฮอร์โมนไทรอยด์ลดลง ความต้องการพลังงานลดลง แต่ผู้สูงอายุยังคงต้องการสารอาหารเช่นเดียวกันกับที่ผู้ใหญ่ทั่วไปต้องการ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่ไม่ให้พลังงานมาก โดยเฉลี่ย ผู้สูงอายุต้องการน้ำหนักตัวประมาณ 20-25 กิโลแคลอรี/กก. ต่อวัน

2.3) โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญมากสำหรับผู้สูงอายุ หากไม่เพียงพอจะทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมวลกล้ามเนื้อและกระดูกจะน้อยกว่าผู้ที่กินโปรตีนเพียงพอ

2.4) คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับผู้สูงอายุ และคุณจำเป็นต้องเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ใช่อาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ข้าว ธัญพืช ถั่ว ผักและผลไม้

2.5) ควรให้ไขมันในปริมาณที่เหมาะสม พลังงานที่มากเกินไปอาจทำให้ไขมันสะสมในเลือดสูงเนื่องจากพลังงานที่มากเกินไปซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หากไขมันมีจำกัดมาก อาหารก็จะเหนียวและขาดรสชาติเพิ่มขึ้น ภาวะทุพโภชนาการเพื่อลดการกิน

3.แก่แล้วแข็งแรงได้ไม่ยาก

การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกวัย ผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ เพิ่มความสามารถในการทรงตัวอย่างกระฉับกระเฉง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่หลากหลาย ลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า ไม่มีใครสายเกินไปที่จะออกกำลังกาย ผู้สูงอายุไม่สามารถเป็นสาเหตุของการไม่ใช้งาน ผู้สูงอายุต้องเลือกระดับการออกกำลังกายที่เหมาะสม ผู้สูงอายุที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและต้องการให้อาหารลดน้ำหนักได้ ความคิดที่ผิด นอกจากการลดน้ำหนักแล้ว คุณยังสูญเสียมวลกล้ามเนื้ออีกด้วย พวกเขายังเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร

การออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมมีความเสี่ยงต่ำมากที่จะเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลันในระหว่างการออกกำลังกาย แต่หากไม่มีการออกกำลังกาย ความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและน่าเชื่อถือมากขึ้น แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย ซอฟต์สตาร์ทช่วยให้เหมือนเดินอย่างกระฉับกระเฉงมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เราพบว่าโอกาสเสียชีวิตจากทุกสาเหตุลดลง 34% ในผู้ชายและ 28% ในผู้หญิง ควรเน้นว่าควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเช่นนักวิทยาศาสตร์การกีฬา นักกายภาพบำบัด นักกายภาพบำบัด เนื่องจากร่างกายแต่ละคนมีสภาวะที่แตกต่างกันในการหาแนวทางที่เหมาะสมในกรณีปัญหาสุขภาพที่จำกัดการออกกำลังกาย

Leave a Comment